"การเลี้ยงลูกให้เป็นคนคุณภาพ เป็นเป้าหมายหลัก" ของแม่

       ในวันที่ลูกกำลังเข้าสู่วัยรุ่น แม่ก็กำลังเข้าสู่แรกรุ่นวัยทอง แม่เฝ้าถามตัวเองทุกๆ วัน ว่าอนาคตอีก 5 ปี หรือ 10 ปี ของแม่คืออะไร ถ้ามองย้อนหลังไป 2-3 ปี แม่เคยพยายามที่จะก้าวสูงขึ้นในตำแหน่งหน้าที่การงาน แต่ด้วยนิสัยจริงจังและทำให้ดีได้ทีละอย่างของแม่ ทำให้แม่เครียด กินไม่ลง และแล้วแม่ก็เครียดลงกระเพาะ กรดไหลย้อน แม่กินไม่ตรงเวลาไม่ได้อีกต่อไป เหมือนสุขภาพเตือนให้ใส่ใจตัวเอง คือร่างกายพร้อมกะพังถ้าไม่ใส่ใจเรื่องการเป็นอยู่ นั่นทำให้แม่หยุดเรื่องความก้าวหน้าด้านการงานไว้ หยุดแบบบอกตัวเองว่า ให้รักษามาตรฐานของตัวเองไว้ ค่อยๆ เก็บผลงานที่ทำได้ แค่อย่าทิ้งเพราะสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศทิ้งห่างไม่ได้เลย หากมีโอกาสหรือจุดหนึ่งที่ทำได้ค่อยว่ากัน ซึ่งจุดนั้นอาจจะเหมาะสมด้วยวัยวุฒิและคุณค่าของแม่เอง หากจะอยู่ในตำแหน่งเดิมก็ไม่เป็นไร ถ้ายังทำงานได้เหมาะสมกับเงินเดือนอยู่ก็ถือว่าดีแล้ว

       แต่ด้วยความเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง แม่ก็ทะเลาะกับตัวเอง
ความคิดที่ 1 :
       แม่อยากก้าวหน้าด้านการงานมากกว่านี้ แม่อยากเรียนเพิ่ม คอร์สสั้นๆ ก็ได้
ความคิดที่ 2 :
       แม่แล้วลูกล่ะ ลูกแม่ก็ต้องการแม่
       แม่พวกสนใจได้ทีละเรื่องแล้วทุ่มมันไป ทำเอาแม่สับสน ลำดับความสำคัญไม่ได้

ถามตัวเองมาตลอดว่าเป้าหมายตอนนี้คืออะไร...
มีอยู่วันหนึ่ง คำถามซ้อนในคำถามเกิดขึ้น

"หรือการเลี้ยงลูก จะเป็นเป้าหมายหลัก ของชีวิตที่เหลือของแม่"

       จริงๆ แล้วลูกคือสิ่งมหัศจรรย์ แม่เกิดมาดีได้เพราะตายายเลี้ยงดู และครอบครัวดูแล  มีกันและกันมาตลอด (แม้ตอนนี้ตัวยายจะอยู่บนฟ้า แต่จิตวิญญาณของยายยังอยู่กับแม่เสมอ)...แล้วลูกมหัศจรรย์ยังไงสำหรับแม่

       หลังจากแต่งงาน สามีของแม่จะคอยเป็นอะไรก็ได้ที่แม่ต้องการ พอมีลูก พ่อของลูกก็ยังเป็นคนเบื้องหลังให้แม่เสมอ เราช่วยกันเลี้ยงลูกมาได้จนลูกคนโต 12 ขวบ คนเล็กก็ 9 ขวบแล้ว...แล้วลูกมหัศจรรย์ยังไงสำหรับแม่

ความภูมิใจในตัวเองในเรื่องการงาน แม่ทำได้เพราะลูกของแม่
เหมือนมีพลังวิเศษที่อธิบายไม่ถูก
แต่มีสถานการณ์ให้มองภาพออก

หลังจากหายแพ้ท้องลูกคนโต แม่ก็ทำเอกสารผลงานเลื่อนระดับ ซี 6
หลังคลอดแม่ก็สอบเลื่อนระดับ ซี 6 : ลูกคนโตของแม่มาพร้อม ซี 6

หลังจากหายแพ้ท้องลูกคนเล็ก แม่ก็ทำเอกสารผลงานเลื่อนระดับ ซี 7
หลังคลอดแม่ก็สอบเลื่อนระดับ ซี 7 : ลูกคนเล็กของแม่มาพร้อม ซี 7

หลังจากนั้นแม่ก็ย้อนคิดถึงตอนเริ่มทำงาน...
ซี 8 คือความฝันสูงสุดของการรับราชการของแม่
พอลูกคนเล็กแม่อายุได้ 2 ขวบกว่าๆ เริ่มรู้เรื่อง แม่ก็ทุ่มสุดตัว ลองทำตามฝันแรกของการเริ่มทำงาน ช่วงเวลานั้นแม่ขโมยเวลาที่ต้องให้กับลูกคนโต เพราะแม่ต้องใส่ใจน้องและงานของแม่
ที่สุดคือแม่ทำได้ แม่ได้ระดับชำนาญการพิเศษ (ซี 8) มาครอบครอง

C มาจากคำว่า Common Level หรือที่ภาษาราชการเรียกว่า ระดับมาตรฐานกลาง
ในเดือนมกราคม 2559 เปลี่ยนจากระบบซี เป็นระบบแท่ง
ซี 8 เดิม เท่ากับ ชำนาญการพิเศษ

       เมื่อทบทวนแล้ว ความฝันสูงสุดในการรับราชการแม่ทำสำเร็จแล้ว ตอนนี้ที่พยายามทำอยู่ คือน่าจะพยายามรักษาสมดุลของชีวิตอยู่ แม่ไม่กล้าพอที่จะทุ่มสุดตัวเพื่อความก้าวหน้าทางการงาน เพราะแม่กลัวแม่จะพลาดการดูแลลูก ความคาดหวังลึกๆ ลูกน่าจะเป็นเป้าหมายหลัก เป็นความคาดหวังหลักในชีวิต

       ที่ผ่านมา แม่เลี้ยงลูกภายใต้ความเชื่อที่ว่า "พ่อแม่สร้างลูกอัจฉริยะได้ แต่วันหนึ่ง ถ้าถึงจุดที่ลูกคิดว่าไม่ใช่ ลูกอาจจะหยุดมันเอาดื้อๆ เพราะฉะนั้นให้ลูกเป็นตัวลูก คนดีดีที่มีคนเดียวบนโลกใบนี้" ประโยคที่แม่ประทับใจที่ผู้อำนวยการกล่าวในวันประชุมผู้ปกครอง ตอนที่ลูกเข้าโรงเรียนเตรียมอนุบาล
       ที่ผ่านมาลูกแม่ไม่ใช่เด็กเรียนเก่ง แต่ก็เรียนใช่ได้ และแม่เชื่อมั่นในตัวลูกเสมอ เชื่อว่าลูกทำได้ดีมากกว่าที่ลูกคิด นิสัยถือว่าดีใช้ได้ รวมแล้วลูกแม่เป็นเด็กน่ารัก ที่ต้องประคับประคองให้โตอย่างมีคุณภาพ
       คนคุณภาพในนิยามของแม่ คือ คนที่ไม่ต้องเรียนเก่งก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่เรียนใช้ได้ คิดเป็น รับผิดชอบดี ไม่เห็นแก่ตัว รอบรู้ ปรับตัวเก่ง อดทนต่อความยากลำบากได้ดี เพราะในอนาคตคนคุณภาพที่แม่อยากให้ลูกเป็น คือคนที่สังคมอนาคตต้องการมากๆ แน่นอน

       เคยได้ยินมาอยู่บ้างว่า พ่อแม่ไม่ควรคาดหวังหรือฝากความหวังไว้ที่ลูก เพราะนั่นอาจจะเป็นภาระที่หนักอึ้งสำหรับลูก แต่เอาจริงๆ เป็นปกติมากที่คนเป็นพ่อเป็นแม่จะคาดหวังกับลูกอยู่แล้ว อย่างน้อยก็ต้องคาดหวังอยากให้ลูกเป็นคนดี ดูแลตัวเองได้ รวมถึงการเผื่อแผ่สิ่งดีดีให้กับคนรอบกาย 
       รอบๆ ตัวจะมองเห็นแต่การแข่งขัน ไม่ใช่แค่เด็กต้องแข่งกันเรียนอย่างหนัก แต่เป็นผู้ปกครองที่แข่งขันไม่มีใครยอมใคร สำหรับลูกคนไหนที่หัวไวก็ดีไป เรียนหนักก็ยังไหวเสมอ ด้วยประโยคที่บอกว่า ลำบากวันนี้เพื่ออนาคตที่สดใส การงานที่ดี ค่าตอบแทนที่คู่ควร สังคมที่ดีเหมาะสมรออยู่ 
       แม่คนนี้มองแล้วไม่เห็นด้วยกับการเรียนอย่างหนัก แม่อยากให้ลูกได้ผ่านวัยเด็ก วัยสนุก สดใส เติบโตอย่างเข้มแข็ง เมื่อถึงวัยหนึ่งที่โตพอ รู้จักตั้งใจ รู้จักเป้าหมายในชีวิต วันนั้นความเป็นคนคุณภาพในตัวลูกจะช่วยส่งเสริมให้ลูกเดินไปในทิศทางที่ดีและเหมาะสมเอง

       ที่สุดแล้ว คนเป็นพ่อเป็นแม่จะเลือกรูปแบบการเติบโตที่เหมาะสมกับลูกตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน ไม่มีผิดถูก เพราะไม่มีตำราเล่มไหนบอกแผนการใช้ชีวิตไว้ได้อย่างเฉพาะเจาะจง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนที่กำลังประคับประคองลูกให้เติบโต จงมีพลังบวกล้นหลามส่งให้ลูกเป็นคุณภาพในแบบฉบับที่เหมาะสม ที่สำคัญคือเป็นไม่เห็นแก่ตัว หรือเห็นแก่ตัวน้อยที่สุดค่ะ

"พ่อแม่สร้างลูกอัจฉริยะได้
แต่วันหนึ่ง ถ้าถึงจุดที่ลูกคิดว่าไม่ใช่
ลูกอาจจะหยุดมันเอาดื้อๆ
เพราะฉะนั้นให้ลูกเป็นตัวลูก คนดีดีที่มีคนเดียวบนโลกใบนี้"