SUMIF : หาผลรวมแบบมีเงื่อนไข เป็นสูตร Microsoft Excel ที่ถูกใช้บ่อยที่สุด


       จากประสบการณ์การสร้างบ้านที่เจ้าของบ้านเลือกเหมาค่าแรง และซื้อของเอง มีรายจ่ายประมาณ 300 รายการ เมื่อการสร้างบ้านเสร็จสิ้น อยากรู้ว่าสรุปแล้วจ่ายค่าวัสดุเท่าไหร่ ค่าแรงช่างเท่าไหร่ ลองคัดลอก Sheets จำนวน 2 Sheets โดย Sheets 1 ลบค่าแรงออกเพื่อรวมค่าวัสดุ และ Sheets 2 ลบค่าวัสดุออกเพื่อรวมค่าแรง ตามด้วย นำค่าวัสดุ Sheets 1 บวก ค่าแรง Sheets 2 ผลปรากฏว่า ผลรวมไม่ตรงกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดค่ะ (มันยุ่งยากเกินไป)

เป็นเหตุให้ต้องขอสูตรจากเทพ excel ประจำสำนักงาน
"ขอสูตร excel ที่หาผลรวมแบบแยกประเภทด้วยค๊าา"
เทพของเราส่งไฟล์ excel ที่มีตัวอย่างการใช้สูตร SUMIF : หาผลรวมแบบมีเงื่อนไข มาให้

หลังจากทำความเข้าใจ และลองใช้ คือ..รู้แบบนี้ ใช้สูตร SUMIF นานแล้ว

รูปแบบ
SUMIF(range, criteria, [sum_range])
             ช่วงเงื่อนไข, ค่าเงื่อนไขที่ต้องการ, ช่วงผลรวม



ตัวอย่าง
หาผลรวมค่าวัสดุ จากบัญชีรายจ่าย

=SUMIF(F5:F286,"ค่าวัสดุ",D5:D286)
=SUMIF(ช่วงคอลัมภ์ที่แสดงประเภทค่าใช้จ่าย,"เลือกเฉพาะค่าวัสดุ", ผลรวมค่าวัสดุ)

หรือ

กำหนดให้
ค่า "1" แทน ค่าวัสดุ
ค่า "2" แทน ค่าแรงช่าง
ค่า "3" แทน ค่าใช้จ่ายอื่น
หาผลรวมค่าวัสดุ จากบัญชีรายจ่าย
=SUMIF(E5:E286,"1",D5:D286)

กรณีช่วงเงื่อนไขเดิม แต่เปลี่ยนเงื่อนไข สามารถใส่เครื่องหมาย $ เพื่อ Fix Cell Reference เพื่อไม่ให้สูตรเลื่อน         

หาผลรวมค่าวัสดุ
=SUMIF($E$5:$E$286,"1",$D$5:$D$286)

หาผลรวมค่าแรงช่าง
=SUMIF($E$5:$E$286,"2",$D$5:$D$286)

หาผลรวมค่าใช้จ่ายอื่น
=SUMIF($E$5:$E$286,"3",$D$5:$D$286)

คลิปแสดงขั้นตอน