ความว่างเปล่า #2

คนที่จะรู้สึกถึงความว่างเปล่า อาจจะเป็นคนที่อยู่ในจุดที่ชีวิตไม่จำเป็นต้องดิ้นรน ไม่มีเป้าหมายใหม่ให้พุ่งชน ชีวิตก็เลยราบเรียบจนบางครั้งอาจจะน่าเบื่อไปหมด หรือ อาจจะเป็นคนที่กำลังรู้สึกล้มเหลวหลังจากตั้งใจอย่างหนักเพื่อทำอะไรสักอย่าง แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้ามกับที่คาดเอาไว้ สิ่งที่เหลืออยู่กับตัวเองจึงเป็นความว่างเปล่า 

คนที่ชีวิตค่อนข้างดี ไม่ต้องดิ้นรน แต่เจอความว่างเปล่า ก็เพราะไม่พอใจกับที่ตัวเองเป็นอยู่ คนที่ล้มเหลวแล้วเจอความว่างเปล่า เพราะรับไม่ได้กับผลลัพธ์ที่คาดหวังเอาไว้สูง คนทั้งสองแบบเจอความว่างเปล่าที่ต่างกัน แต่คนทั้งสองแบบกำลังอยู่กับความไม่ปกติของความคิดและความรู้สึก เป็นเพราะเราหาตรงกลางหรือความพอดีให้กับตัวเองไม่ได้ 

คิดแล้วทำ ทำให้มากกว่าที่คิด แล้วเราก็จะรู้ว่าควรทำต่อไปหรือถอยออกมา เมื่อเราไม่กดดันตัวเองเกินไป เราก็จะตึงเครียดน้อยลง ค่อย ๆ เก็บ ค่อย ๆ ทำในสิ่งที่ทำได้ ยิ้มยินดีกับตัวเองเมื่อทำสำเร็จตามเป้าหมายเล็กๆ ที่วางเอาไว้ ปล่อยให้เป้าหมายใหญ่เป็นเรื่องของอนาคตที่อาจจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร

ความว่างเปล่าหายไป 
เมื่อเราให้คำตอบกับตัวเองได้ว่า ใจเราไม่สงบสุข เพราะความไม่พอใจกับปัจจุบัน เรามองเป้าหมายที่ใหญ่และท้อกับอุปสรรคที่คาดว่าจะเจอ ทำให้ไม่กล้าที่จะกำหนดเป้าหมาย ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง ถดถอย เบื่อหน่าย ว่างเปล่า 

เมื่อรู้สาเหตุ ก็ทำให้จัดการกับความคิดตัวเองได้ง่ายขึ้น ปรับความคิด ลดความคาดหวัง โดยให้ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจ คือ
1. ให้ลูกมาก่อนงาน กรณีนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของมนุษย์แม่ค่ะ คือถ้างานรุ่งแต่ไม่มีเวลาใส่ใจลูกก็คงถือว่าล้มเหลว ถ้าลูกเสียคนหรือดูแลตัวเองไม่เป็น คนที่ลำบากก็ต้องเป็นพ่อกับแม่ สำหรับคนที่มีลูก ลูกคือเป้าหมายสูงสุดของชีวิต แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ใส่ใจงานนะคะ งานก็ต้องรับผิดชอบ แต่ไม่จำเป็นต้องเอาเป็นเอาตายกับงานเหมือนตอนที่ยังไม่มีลูก 
2. วางเป้าหมายเล็กๆ ไว้หลายเป้าหมาย แล้วค่อยๆ ทำให้สำเร็จทีละเป้าหมาย จาก ความว่างเปล่า #1 ได้เขียนถึงการให้โอกาสตัวเองได้สอบตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย แล้วผลออกมาว่าสอบไม่ได้ แต่ในเดือนมิถุนายน 2565 มีการประกาศรายชื่อเพิ่มเติม ผลคือ สอบผ่านค่ะ การสอบผ่านและได้สอบสัมภาษณ์ตามเป้าหมายที่วางไว้ มันให้ความรู้สึกดีกับตัวเอง เป้าหมายเล็กๆ นั้นสำเร็จ สามารถเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง เป็นกำลังใจให้ตัวเองก้าวต่อไปค่ะ
3. เชื่อมั่นในตัวเอง คิด วางแผน ยืดหยุ่น เชื่อมั่นในตัวเอง ทำในสิ่งที่ควรทำ เต็มที่กับสิ่งที่ทำ แล้วใจเย็นๆ รอผลที่ตามมา บางครั้งหลังทำเต็มที่แล้วก็ต้องรู้จักรอ ปล่อยให้โชคชะตานำพา หมายถึง เมื่อเราคิด ทำ ทบทวน แก้ไข เต็มที่แล้ว เราอย่ามัวแต่คาดหวังเชิงบวก หรือวิตกเพราะคิดลบเผื่อเอาไว้ ให้เชื่อมั่นว่าทำดีเต็มที่แล้วผลออกมาจะเป็นอย่างไรก็ตาม มันจะไม่เลวร้ายแน่นอน เพราะที่สุดคือเราสามารถรับมือได้

ขอให้กำลังใจทุกคนที่ผ่านมาเจอบทความนี้นะคะ คิดเห็นอย่างไร หรือมีคำแนะนำสามารถคอมเมนท์ใต้บทความนี้ หรือติดต่อทางอีเมล  tuss2555@gmail.com, เพจ https://www.facebook.com/Tassarin2U/ ค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง
ความว่างเปล่า #1