11 คำพูดที่อยู่ในใจเสมอ และอยากบอกออกไปว่ารักคำพูดเหล่านี้ตลอดมา

     

    คำพูดของคนเรา..แม้คนพูดจะลืมไปแล้ว แต่คนฟังจะยังจำได้เสมอ นั่นเพราะคำพูดนั้นถูกฝังลึกลงไปในใจแล้ว คำพูดจึงเป็นสิ่งที่ให้ทั้งคุณและโทษ เราก็แค่เก็บเอาคำพูดดีดีมาอยู่เป็นพลังในใจให้เราย้อนกลับมาทบทวนได้ทุกเวลาและรู้สึกดีดีทุกครั้งที่หวนกลับไปคิดถึงค่ะ
    11 คำพูดต่อไปนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงปีเดียวกัน แต่มันถูกเก็บสะสมในใจตั้งแต่เริ่มทำงานจนเกือบ 17 ปีแล้ว
1. คนเราทำงานอะไร ให้ทำในนามองค์กร ไม่จำเป็นต้องระบุตัว เจ้านายรู้อยู่แล้วว่าใครทำ
    ..คือให้เราตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่ต้องป่าวประกาศว่าเราเป็นคนทำก็ได้เพราะสิ่งที่เราทำ เราทำในนามขององค์กร เราทำงานให้องค์กรอยู่ไม่ใช่งานส่วนตัว 

2. การเป็นข้าราชการต้องอยู่ให้พอดี
    ..แน่อยู่แล้วงานราชการเงินเดือนไม่เยอะ แต่ก็ไม่ได้น้อยเกินไป ก็แค่ใช้ให้พอดี อย่าเป็นหนี้เยอะเกินไป ไม่ใช่ว่าสามี ภรรยา ผ่อนรถคนละคัน ผ่อนบ้านอีก จะใช้อะไร..อันนี้ตอนฟังอินมาก และผ่านมา 6 ปีแล้วที่เงินเดือน 50% แม่หักไว้ผ่อนนั่นนี่เอาไว้ เหลือ 50% เป็นค่าใช้จ่ายที่รวมถึงถ้าจ่ายบัตรเครดิตก็ต้องจ่ายจากเงินส่วนนี้ ค่าใช้จ่ายนอกแผนเมื่อ 6 ปีก่อน คือใช้จาก 50% ที่ไม่โดนหักนี้ เพราะฉะนั้นบางเดือนก็จะจนมาก

3. คนเราเก่งแค่ไหน ถ้าไม่มีคนให้โอกาสก็เท่านั้น
    ..มันคือความจริงว่าโอกาสเป็นสิ่งสำคัญ คนให้โอกาสก็สำคัญ แต่บางครั้งเราเองก็ต้องวิ่งเข้าหาโอกาสด้วยตัวเอง..คือการให้โอกาสตัวเอง เคารพนับถือตัวเอง 
    ..ตอนที่ทำงานใหม่ๆ มีเหตุให้พี่คนหนึ่งเสียสละเวลาหลังเลิกงานไม่ได้ หัวหน้าให้โอกาสเราได้ทำงานนั้นต่อ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่าโอกาส เราได้พบว่าการตัดต่อวิดีโอที่เราเคยพยายามทำตอนทำคู่มือโปรเจค ตอนที่อาจารย์ที่ปรึกษาบอกว่า ถ้ามีแต่ภาพนิ่งไม่ขยับแล้วก็เสียง คุณเขียนเลยดีกว่าไหม (จำว่าท่านพูดประมาณนี้) คืออาจารย์ไม่เข้าใจ การตัดต่อไม่มีเรียนในคลาส หนูต้องใช้โปรแกรม ต้องมีเสียงประกอบ ต้องแปลงไฟล์ยากเย็นกว่าจะได้มานะคะ สรุปว่า..การตัดต่อวิดีโอมันคือส่วนหนึ่งของความชอบ และการได้ทำในสิ่งที่ชอบมันทำให้เรายังอยู่ได้ในวงการ

4. คนเราบางทีก็ต้องเห็นแก่ตัวบ้าง เราไม่เห็นแก่ตัวแล้วใครจะเห็นแก่เรา (การขยายกรอบให้ตัวเองไม่ผิดเลย/ ไม่จำเป็นต้องหลีกทางให้ใคร)
    ..หมายถึง การรักษาผลประโยชน์เรื่องความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ถ้าเรามีสิทธิ์เลือก เราก็ต้องเลือกที่จะทำเพื่อตัวเองก่อน อันนี้แล้วแต่กรณีนะคะขอละเอาไว้

5. ทุกอย่างคือผลประโยชน์ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่ความสามารถของเราด้วย
    ..มองอะไรด้วยความเข้าใจ และเริ่มสำรวจตัวเองว่าคบกับใครเพื่อผลประโยชน์จริงไหม ก็ตอบได้ว่าจริง แต่คือจริงใจนะ ช่วยใครได้คือช่วย ไม่ต้องมีอะไรตอบแทนก็ได้ แค่วันหนึ่งช่วยเราบ้างนะ 
 

6. เราเป็นคนทำงาน อยู่ไหนเราก็อยู่ได้
    ..เคยมีช่วงหนึ่ง ไปปรึกษาพี่บุคลากร (นักทรัพยากรบุคคล) คือเรารู้สึกว่าผู้บังคับบัญชาไม่ชอบเราแล้วล่ะ เราจะย้ายไปอยู่ส่วนราชการอื่นดีไหม พี่เขาบอกว่า การที่เราย้ายหนีคน เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอีกคนเขาจะเป็นแบบไหน (อาจจะหนีเสือปะจระเข้ก็ได้) เราเป็นคนทำงาน พี่ว่าอยู่ไหนเราก็อยู่ได้ คือเห็นด้วยกับพูดนี้ทันที และเชื่อในคำพูดนี้ตลอดมา..ทำงานต่อไป

7. คนเราถ้าจะขอความช่วยเหลือจากเจ้านาย จะต้องดูความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเจ้านายด้วย
    ..ถ้าเป็นเรื่องการขอความช่วยเหลือ จะใครก็ตามแม้แต่เจ้านายเองก็ต้องพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามลำดับความสำคัญอยู่แล้ว การจะบอกว่าใครเป็นยังไงมันขึ้นอยู่ว่า ใครจะเป็นแบบไหนกับใครมากกว่า (คนเรามีทั้งด้านบวกด้านลบ อยู่ที่เราจะบวกกับใคร จะลบกับใคร ใครจะบวกจะลบกับเรา)

8. คนเราถ้ายอม จะต้องยอมตลอด
    ..หมายถึง พี่ไม่ได้บอกให้น้องไม่ยอมคนนะ แต่ให้น้องคิดดูว่าตอนไหนต้องยอม ตอนไหนต้องสู้ สำหรับบางครั้งเรายอมไม่ได้หรอก มันจะกลายเป็นเราต้องยอมตลอด เรายอมตลอดไม่ได้ อันนี้ให้น้องคิดเอาเอง

9. อย่าให้ความง่าย สะดวก ทำให้เราเสีย
    ..คำนี้อาจจะใช้ได้หลายกรณี แต่วันนั้นเป็นวันจันทร์ ปกติต้องใส่ชุดกากี แต่วันนั้นในฝ่ายมีออกพื้นที่ใส่กางเกงกัน เราไม่ได้ออกใช่ไหม แต่ใส่ใช่ไหม นั่นแหละ อย่าให้ความง่ายทำให้เราเสีย เราจะต้องเติบโตไปอีก เราจะต้องทำตัวให้เหมาะสม ก็เห็นด้วยค่ะ เวลาจะทำอะไรบ่อยครั้งมากที่คิดถึงคำพูดนี้

10. ถ้าเราลงมือทำ มี 2 คำตอบ คือ สำเร็จ กับ ไม่สำเร็จ แต่ถ้าไม่ลงมือก็ไม่มีทางรู้คำตอบเลย
    ..ตอนนั้นไม่มั่นใจว่าตัวเองควรส่งผลงานเพื่อรับการประเมินไหม กะไปสอบถามเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าควร/ไม่ควร พี่เขาพูดได้ตรงจุดมาก พี่ไม่รู้หรอกว่าควร/ไม่ควร ถ้าเธอทำ เธอจะรู้ว่า ทำได้ หรือไม่ได้ แต่ถ้าเธอไม่ทำเธอก็ไม่รู้อะไรเลย

11. ทัศน์ลูกเล็กอยู่ ทำงานอยู่ที่ทำงาน พักเที่ยงจะได้แวะไปดูลูกได้ (ไม่ต้องออกพื้นที่ ที่ต้องไปทั้งวัน)
    ..คือแทบร้องไห้ ไม่ต้องอะไรมากมาย แต่ถ้าทำอะไรได้คือทำสุดแรงที่มี คือเราต้องชดเชยในสิ่งที่เราไม่ได้มีส่วนร่วมเสมอ (ตอนนี้ยังเป็นแบบนั้นอยู่ไหม ก็แล้วแต่โอกาสแหละเนอะ)

    จริงๆ มีคำพูดดีดีอีกหลายคำพูด แต่คำพูดที่นึกถึงบ่อยๆ และหวนกลับไปเก็บกำลังใจจากคำพูดนั้นๆ บ่อยๆ คือคำพูดเหล่านี้เอง รู้สึกขอบคุณเจ้าของคำพูดเหล่านี้อยู่เสมอ มันมีค่าทางใจและอยากบอกออกไปเพื่อเป็นการให้คำขอบคุณกับเจ้าของคำพูดทุกๆ ท่านค่ะ
    ลองนึกดูเล่นๆ ก็ได้ ว่าคำพูดไหนที่มีพลังบวกต่อจิตใจเราบ้าง และจงเก็บคำพูดที่มีค่านั้นไว้เสมอค่ะ